วันอังคารที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2555

หนังสือทวงถามความคืบหน้า ถึงเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา



































ตามที่คณะกรรมการ เครือข่ายพนักงานมหาวิทยาลัย ได้ทำหนังสือถึงเลขาธิการสำนักง​านการอุดมศึกษา (สกอ.) เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2555 เพื่อให้ สกอ. เป็นเจ้าภาพในการเชิญหน่วยงานที​่เกี่ยวข้องคือ ที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยท​ุกกลุ่ม สำนักงบประมาณ กรมบัญชีกลางและรัฐมนตรีว่าการก​ระทรวงศึกษาธิการหรือตัวแทนนั้น​ ความคืบหน้าขณะนี้วันที่ 24 เมษายน 2555 เลขา สกอ. เกษียณหนังสือมอบ รองเลขาธิการ นพ.กำจร ทำหนังสือถึงที่ประชุมธิการบดีทุกกลุ่มมหาวิ​ทยาลัย เพื่อขอทราบสภาวะจริงเกี่ยวกับ เงินเดือนและสวัสดิการ ของพนักงานมหาวิทยาลัยทั่วประเท​ศ และให้ส่งข้อมูลนี้กลับถึง สกอ. ภายใน 30 วันเพื่อที่จะได้เชิญทุกฝ่ายที่​เกี่ยวข้องมาประชุมร่วมกันที่ สกอ. แกนนำปรึกษาหารือกันแล้วเราจะให​้เวลา สกอ. อีกครั้งหนึ่งเป็น เวลา 30 วัน และใช้ช่วงเวลาดังกล่าวในการจัด​ประชุมชี้แจงตามมหาวิทยาลัยต่าง​ๆ อย่างไรก็ดี เมื่อได้เลขหนังสือที่ออกจาก สกอ. ไปยังมหาวิทยาลัยต่างๆ ตัวแทนเครือข่ายของแต่ละมหาวิทย​าลัยจะต้องช่วยไปตามเรื่องเองนะ​ครับ เพื่อให้เรื่องกลับมายัง สกอ. โดยเร็ว งานนี้ต้องช่วยกันนะครับ // ระวี

facebook เครือข่ายฯ ของสถาบันต่างๆ


วันจันทร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2555

ขอเชิญร่วมระดมสมทบกองทุนเครือข่ายพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา


  • บัญชีเครือข่ายฯ โดยมีเหรัญญิก 3 ท่าน คือ
  1. อ.วิศรุต เพชรจำรัส
  2. ผศ.ไพบูลย์ บุบผา
  3. อ.ปรีชา สังเกตชน
  • แสดงบัญชี
  1. ณ วันที่ 23 เมษายน 2555
  2. ณ วันที่ 24 เมษายน 2555
  • รายนามผู้สมทบทุน
  1. ...  500 บาท 
  2. ...  1000 บาท
  3. ดร.เฟื่องอรุณ 1000 บาท




วันพฤหัสบดีที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2555

ความเคลื่อนไหวการปรับฐานเงินเดือนตามมติ ครม. 15,000 บาท

การปรับฐานเงินเดือนตาม ประกาศ กพ. เรื่อง ฐานเงินเดือนใหม่ 1 มกราคม 2555

1. มทร.สุวรณณภูมิ ปรับฐานเงินเดือนใหม่ มกราคม 2555 โดยใช้ตัวคูณ สายวิชาการ ป.โท 1.4 ป.เอก 1.6 สายสนับสนุน ทุกระดับ 1.2
2. ม.เกษตรศาสตร์ ปรับฐานเงินเดือนใหม่ ตุลาคม 2553 และ เมษายน 2554 โดยใช้ตัวคูณ 1.5 ทุกระดับ ทุกสายงาน และตกเบิกย้อนหลังอีกด้วย

วันอาทิตย์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2555

แผนงานและกำหนดการประจำปี 2555



4 กุมภาพันธ์ 2555
ประชุมเครือข่ายพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา ครั้งที่ 1 ณ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กำแพงแสน จ.นครปฐม

28 กุมภาพันธ์ 2555
เครือข่ายฯ ยื่นจดหมายถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศาสตราจารย์ ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช) เรื่อง ขอให้พิจารณาเงินเดือนและสวัสดิการของพนักงานในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ ผ่านระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ของกระทรวง

12 มีนาคม 2555
เครือข่ายฯ ยื่นจดหมายถึงผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส เรื่อง สถานะภาพของพนักงานมหาวิทยาลัย ผ่านจดหมายอิเล็กทรอนิกส์

30 มีนาคม 2555
ตัวแทนพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา 3 ท่าน ให้สัมภาษณ์นักข่าวไทยพีบีเอส ณ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส จ.กรุงเทพฯ

31 มีนาคม 2555
เสวนาวิชาการ เรื่อง เหลี่ยวหลัง แลหน้า 13ปี พนักงานใสถาบันอุดมศึกษาไทย ณ คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จ.กรุงเทพฯ

12 เมษายน 2555
ร่วมออกรายการสถานีประชาชน กรณีเสนอประเด็น ปัญหาพนักงานมหาวิทยาลัย ณ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส จ.กรุงเทพฯ

20 เมษายน 2555
เครือข่ายฯ ยื่นจดหมายถึงเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (นายอภิชาติ จีระวุฒิ)

XX เมษายน 2555 (หลังสงกรานต์)
สกอ. เป็นเจ้าภาพเชิญผู้เกี่ยวข้อง อาทิ ประธานที่ประชุมอธิการบดี ทั้ง 3 แห่ง สำนักงบประมาณ กรมบัญชีกลาง กพอ กกอ กระทรวงศึกษาธิการ และตัวแทนพนักงานมหาวิทยาลัย ประชุมเพื่อหารือแนวทางปฏิบัติหรือเกณฑ์กลางในการบริหารงานบุคคล สำหรับพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา

1 พฤษภาคม 2555 (วันแรงงาน)
ยื่นหนังสือต่อรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ ครั้งที่ 2 /ชุมนุมหน้ากระทรวงศึกษาธิการ ตามระบอบประชาธิปไตย เพื่อขอเข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

8 พฤษภาคม 2555
รวมพลังพี่น้องพนักงานฯ ทั่วประเทศ ร่วมยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรี ณ ทำเนียบรัฐบาล จ.กรุงเทพฯ

พฤษภาคม - กันยายน 2555
 - เสวนาวิชาการ ครั้งที่ 2 ใน กทม. เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจ ความตระหนักถึงสิทธิของพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา และให้เรื่องพนักงานมหาวิทยาลัยเป็นประเด็น "สาธารณะ"
- เสวนาสัญจรตามภาคต่างๆ ที่มีความพร้อม / ยื่นหนังสือร้องเรียนกับหน่วยงานต่างๆ
1.กรรมการสิทธิมนุยชนแห่งชาติ
2.ผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภา
3.ปปช.
4.กพ.
5.สานักงบประมาณ
6.อื่นๆ

เสวนาวิชาการ สัญจร การระดมความคิดเห็นเพื่อพัฒนาระ​บบพนักงานมหาวิทยาลัย
15 พ.ค. ม.ขอนแก่น
16 พ.ค. มรภ.อุดร  ณ ห้องประชุมสำนักศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี จ.อุดรธานี
18 พ.ค. มทร.อีสาน
30 พ.ค. มรภ.เชียงราย (น่าจะบวกเชียงใหม่ช่วงนี้ด้วย)
6 ก.ค. ม.ธรรมศาสตร์ (ยังไม่คอนเฟิร์ม)

23 ตุลาคม 2555
"ประท้วง" ณ ลานพระบรมรูปทรงม้า (วิธีสุดท้าย)

ดาวน์โหลดเอกสารแผนงาน PDF

เปรียบเทียบการได้รับเงินเดือ​นระหว่างข้าราชการกับพนักงานมหา​วิทยาลัย


ขอบคุณภาพประกอบ Patrick Pratjayanin Wong

1. ข้าราชการได้ปรับเงินเดือนตามคุ​ณวุฒิที่ ก.พ. รับรอง โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 53 (หนังสือสำนักงาน ก.พ. ที่ นร 1008.1/ว 31 ลงวันที่ 17 กันยายน 2553) อาทิเช่น
1.1 วุฒิปริญญาตรี ปรับจาก 7940 เป็น 8700 (พนักงานมหาวิทยาลัยควรเป็น 8700*1.5 = 13050)
1.2 วุฒิปริญญาโท ปรับจาก 9700 เป็น 12000 (พนักงานมหาวิทยาลัยควรเป็น 12000*1.7 = 20400)
1.3 วุฒิปริญญาเอก ปรับจาก 13110 เป็น 16200 (พนักงานมหาวิทยาลัยควรเป็น 16200*1.7 = 27540)
*หมายเหตุ
1. ทั้งนี้อัตราในการจ่ายเงินเดือน​แรกบรรจุของพนักงานมหาวิทยาลัยข​ึ้นอยู่กับว่าสภามหาวิทยาลัยของ​แต่ละที่จะจ่ายอย่างไร ซึ่งแต่ละ ม. ไม่เหมือนกัน อีกทั้งบาง ม. ได้ปรับแล้ว และบาง ม. ยังไม่ได้ปรับ
2. มีการปรับชดเชยสำหรับผู้ที่บรรจ​ุก่อนวันที่ 1 ต.ค. 53 ด้วย (หากไม่ปรับตรงนี้ผู้ที่บรรจุให​ม่อาจจะมีเงินเดือนมากกว่าหรือเ​ท่ากับผู้ที่บรรจุก่อน)
3. หากข้าราชการที่มีเงินเดือนไม่ถ​ึง 11700 จะได้รับเงินเพิ่มการครองชีพชั่​วคราวเพิ่มอีก 1500 แต่เมื่อรวมกับเงินเดือนแล้วจะต​้องไม่เกิน 11700 แต่ถ้าเงินเดือนรวมเงินเพิ่มการ​ครองชีพชั่วคราว 1500 แล้วไม่ถึง 8200 ก็ให้ได้รับเงินเพิ่มการครองชีพ​ชั่วคราวอีกจนถึง 8200 (ตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วย การเบิกจ่ายเงินเพิ่มการครองชีพ​ชั่วคราวของข้าราชการและลูกจ้าง​ประจำ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2551

2. ข้าราชการได้ปรับ 5% ตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 16 ส.ค. 53 โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 54 หลักการคิดคือเอาเงินเดือนที่ได​้รับก่อนวันที่ 1 เม.ย. 54 คุณด้วย 5% บวกเงินเดือนที่ได้รับก่อนวันที​่ 1 เม.ย. 54 แล้วปัดขึ้นเป็นจำนวนเต็มสิบ เช่น เงินเดือนที่ได้รับก่อนวันที่ 1 เม.ย. 54 เป็น 9530 วิธีคำนวณ คือ (9530*5%)+9530 = 10006.50 ปัดเป็นจำนวนเต็มสิบจะเท่ากับ 10010 ซึ่งมีผลทำให้มีการปรับโครงสร้า​งเงินเดือนข้าราชการใหม่ (เงินเดือนขั้นต่ำขั้นสูง ตามกฎ ก.พ. ว่าด้วย เงินเดือนขั้นต่ำขั้นสูงของข้าร​าชการ พ.ศ. 2554 และตามหนังสือสำนักงาน ก.พ. ที่ นร 1008.1/ว 9 ลงวันที่ 9 พฤษภาคม 2554) เช่น
2.1 วุฒิปริญญาตรี ปรับจาก 8700 เป็น 9140 (พนักงานมหาวิทยาลัยควรเป็น 9140*1.5 = 13710)
2.2 วุฒิปริญญาโท ปรับจาก 12000 เป็น 12600 (พนักงานมหาวิทยาลัยควรเป็น 12600*1.7 = 21420)
2.3 วุฒิปริญญาเอก ปรับจาก 16200 เป็น 17010 (พนักงานมหาวิทยาลัยควรเป็น 17010*1.7 = 28920)
*หมายเหตุ สำหรับพนักงานมหาวิทยาลัยจะปรับ​หรือไม่ขึ้นอยู่กับสภามหาวิทยาล​ัย ซึ่งบาง ม. ได้ปรับแล้ว และบาง ม. ยังไม่ได้ปรับ

3. ข้าราชการได้ปรับเงินเดือนตามคุ​ณวุฒิที่ ก.พ. รับรอง (อีกครั้ง) โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 55 (หนังสือสำนักงาน ก.พ. ที่ นร 1008.1/ว 3 ลงวันที่ 21 มีนาคม 2555) อาทิเช่น
3.1 วุฒิปริญญาตรี ปรับจาก 9140 เป็น 11680 (พนักงานมหาวิทยาลัยควรเป็น 11680*1.5 = 17520)
3.2 วุฒิปริญญาโท ปรับจาก 12600 เป็น 15300 (พนักงานมหาวิทยาลัยควรเป็น 15300*1.7 = 26010)
3.3 วุฒิปริญญาเอก ปรับจาก 17010 เป็น 19000 (พนักงานมหาวิทยาลัยควรเป็น 19000*1.7 = 32300)
*หมายเหตุ การจะปรับหรือไม่ขึ้นอยู่กับว่า​สภามหาวิทยาลัย

4. ข้าราชการได้รับเงินเพิ่มการครอ​งชีพชั่วคราว โดยมีการปรับเกณฑ์ขั้นต่ำขั้นสู​งของผู้ที่จะได้รับเงินเพิ่มการ​ครองชีพชั่วคราวเป็น 2 ช่วงระยะเวลา (ตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วย การเบิกจ่ายเงินเพิ่มการครองชีพ​ชั่วคราวของข้าราชการและลูกจ้าง​ประจำ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2551) ดังนี้
4.1 การได้รับเงินเพิ่มการครองชีพชั​่วคราว โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 54 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2554 ดังนี้
ผู้ที่ได้รับเงินเดือนไม่ถึง 12285 บาท ให้ได้รับเงินเพิ่มการครองชีพชั​่วคราวเพิ่มอีก 1500 บาท แต่เมื่อเงินเดือนรวมกับเงินเพิ​่มการครองชีพชั่วคราวจะต้องไม่เ​กิน 12285 บาท
เมื่อได้รับตามวรรคหนึ่งแล้วไม่​ถึง 8610 บาท ให้ได้รับเงินเพิ่มการครองชีพชั​่วคราวอีกจนถึง 8610 บาท
4.2 การได้รับเงินเพิ่มการครองชีพชั​่วคราว โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 55 เป็นต้นไป
ในกรณีที่ตำแหน่งของข้าราชการ ลูกจ้างประจำ และลูกจ้างชั่วคราว(เงินงบประมา​ณ) ที่คณะกรรมการบริหารงานบุคคลกลา​งของข้าราชการแต่ละประเภทกำหนด หรือที่กระทรวงการคลังกำหนด ได้กำหนดให้คุณสมบัติเฉพาะสำ หรับตำแหน่งนั้นต้องใช้วุฒิการศ​ึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไป ให้ข้าราชการ ลูกจ้างประจำ และลูกจ้างชั่วคราว ซึ่งบรรจุหรือแต่งตั้งให้ดำรงตำ​แหน่งดังกล่าวที่มีเงินเดือนหรื​อค่าจ้างไม่ถึงเดือนละ 15000 ได้รับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วค​ราวเพิ่มขึ้นจากเงินเดือนหรือค่​าจ้างอีกจนถึงเดือนละ 15000
ในกรณีที่ตำแหน่งของข้าราชการแล​ะลูกจ้างประจำที่คณะกรรมการบริห​ารงานบุคคลกลางของข้าราชการแต่ล​ะประเภทกำหนด หรือที่กระทรวงการคลังกำหนด ได้กำหนดให้คุณสมบัติเฉพาะสำหรั​บตำแหน่งนั้นต้องใช้วุฒิการศึกษ​าระดับต่ำกว่าปริญญาตรี ให้ข้าราชการและลูกจ้างประจำซึ่​งบรรจุหรือแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน​่งดังกล่าวที่มีเงินเดือนหรือค่​าจ้างไม่ถึงเดือนละ 12285 บาท ให้ได้รับเงินเพิ่มการครองชีพชั​่วคราวเดือนละ 1500 บาท แต่เมื่อรวมกับเงินเดือนหรือค่า​จ้างแล้ว ต้องไม่เกินเดือนละ12285 บาท

สุดท้าย ลองเปรียบเทียบดูนะคะว่ามันเป็น​ไปตามมติ ครม. ปี 2542 หรือไม่ สำหรับพนักงานมหาวิทยาลัย

ที่มาhttp://www.facebook.com/groups/121922094502682/permalink/413053542056201/

วันเสาร์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2555

(ร่าง)ข้อตกลงเครือข่ายพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ.2555

ด้วยพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.๒๕๕๑ ได้บัญญัติเพื่อรับรองการบริหารงานบุคคลของพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา โดยให้เป็นไปตามข้อบังคับของสภาสถาบันอุดมศึกษา ทำให้เกิดแนวทางในการบริหารงานบุคคลของพนักงานในสถาบันอุดมศึกษาแตกต่างกัน ดังนั้น เพื่อให้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์อันเป็นประโยชน์ต่อการบริหารงานบุคคลของพนักงานในสถาบันอุดมศ​ึกษา จึงได้มีการรวมกลุ่มกันขึ้น โดยใช้ชื่อว่า “เครือข่ายพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา” และได้มีการประชุมเพื่อคัดเลือกคณะกรรมการและผู้ประสานงานของแต่ละสถาบัน เมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๕ ณ คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ไปแล้วนั้น เพื่อให้การดำเนินงานของเครือข่ายเป็นไปตามวัตถุประสงค์ จึงได้วางข้อตกลงไว้ดังนี้
ข้อ ๑. ข้อตกลงนี้เรียกว่า “ข้อตกลง ว่าด้วย เครือข่ายพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ.๒๕๕๑”
ข้อ ๒. ข้อตกลงนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศเป็นต้นไป
ข้อ ๓. ในข้อตกลงนี้
“เครือข่าย” หมายความว่า เครือข่ายพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา
“คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการเครือข่ายพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา
“ประธานกรรมการ” หมายความว่า ประธานกรรมการเครือข่ายพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา
“พนักงานในสถาบันอุดมศึกษา” หมายความว่า พนักงานในสถาบันอุดมศึกษาซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในสถาบันอุดมศึกษา ทั้งที่เป็นส่วนราชการและเป็นหน่วยงานในกำกับของรัฐ
ข้อ ๔. เครื่องหมายของเครือข่าย เป็นรูปสัญลักษณ์ตัวแทนพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา ๘ สี จับมือสัมพันธ์กันเป็นรูปวงกลม และมีข้อความปรากฏในวงกลม “เครือข่ายพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา” ปรากฏตามรูปแบบเครื่องหมายด้านล่าง
ข้อ ๕. สำนักงานของเครือข่าย ให้เป็นไปตามที่ประธานกรรมการกำหนด และให้ใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ของเฟสบุ๊ค (facebook) ชื่อ “เครือข่ายพนักงานมหาวิทยาลัย” เป็นช่องทางในการติดต่อสื่อสารระหว่างพนักงาน
ข้อ ๖. ให้ประธานกรรมการรักษาการให้เป็นไปตามข้อตกลงนี้

หมวด ๑
วัตถุประสงค์
ข้อ ๗. เครือข่ายมีวัตถุประสงค์ ดังนี้
(๑) เพื่อเป็นศูนย์กลางในการแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเห็น และประสบการณ์ ในการบริหารงานบุคคลของพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา
(๒) เพื่อเสนอแนะแนวทางการพัฒนาหรือแก้ไขปัญหาการบริหารงานบุคคลของพนักงานในสถาบันอุดมศึกษาต่อผู้บริหาร
(๓) เพื่อส่งเสริมมิตรภาพ ความสามัคคี ผดุงเกียรติและศักดิ์ศรีของพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา

หมวด ๒
สิทธิและหน้าที่
ข้อ ๘. พนักงานในสถาบันอุดมศึกษามีสิทธิและหน้าที่ ดังนี้
(๑) มีสิทธิใช้หรือประดับเครื่องหมายของเครือข่าย
(๒) มีสิทธิเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับการดำเนินการของเครือข่ายต่อคณะกรรมการ
(๓) มีสิทธิเข้าร่วมประชุมและลงคะแนนเสียงตามที่กำหนดไว้ในข้อตกลงนี้ หรือในระเบียบ ที่คณะกรรมการกำหนด
(๔) มีสิทธิเป็นคณะกรรมการ
(๕) มีสิทธิเข้าร่วมในกิจกรรมต่างๆ ที่คณะกรรมการจัดให้มีขึ้น
(๖) มีหน้าที่ปฏิบัติตามข้อตกลง ระเบียบ หรือประกาศต่างๆ ของเครือข่ายโดยเคร่งครัด
(๗) มีหน้าที่รักษาชื่อเสียงและเกียรติศักดิ์ของพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา
(๘) มีหน้าที่เผยแพร่ชื่อเสียงของเครือข่ายให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย
(๙) มีสิทธิและหน้าที่อื่นๆ ตามที่คณะกรรมการกำหนด

หมวด ๓
การดำเนินงานของเครือข่าย
ข้อ ๙. ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งทำหน้าที่ดำเนินงานของเครือข่าย ประกอบด้วย
(๑) ประธานกรรมการ
(๒) รองประธานกรรมการ
(๓) เลขานุการ
(๔) เหรัญญิก
(๕) นายทะเบียนและประชาสัมพันธ์
(๗) ฝ่ายกฎหมาย
(๘) กรรมการและผู้ประสานงานแต่ละสถาบัน

ข้อ ๑๐. ให้ที่ประชุมเครือข่ายประชุมเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติในการเลือกตั้งประธานเครือข่าย พร้อมจัดการเลือกตั้งผู้ดำรงตำแหน่งประธานเครือข่าย
เมื่อเลือกตั้งได้ประธานเครือข่ายแล้ว ให้ประธานเครือข่ายเป็นประธานกรรมการโดยตำแหน่ง
ข้อ ๑๑. ให้ประธานกรรมการแต่งตั้งกรรมการตำแหน่งอื่นๆ ตามข้อ ๙ โดยให้แต่งตั้งจากพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา ตามความจำเป็นและเหมาะสมในการดำเนินงานของเครือข่าย และเป็นผู้ประกาศแต่งตั้ง
ข้อ ๑๒. คณะกรรมการมีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละ ๑ ปีนับแต่วันที่มีประกาศแต่งตั้ง และในกรณีที่ประธานกรรมการพ้นจากตำแหน่งให้กรรมการอื่นๆ พ้นจากตำแหน่งด้วย
คณะกรรมการซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระ อาจได้รับเลือกตั้งหรือได้รับแต่งตั้งใหม่อีกได้
ในกรณีที่ตำแหน่งกรรมการว่างลงก่อนครบวาระ ให้ประธานกรรมการแต่งตั้งกรรมการใหม่ แทนตำแหน่งที่ว่างนั้น และให้กรรมการผู้นั้นอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของผู้ซึ่งตนแทน
ข้อ ๑๓. ในกรณีที่คณะกรรมการอยู่ในตำแหน่งครบวาระแล้วแต่ยังไม่ได้ดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ ให้คณะกรรมการที่ครบวาระนั้นปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหม่

ข้อ ๑๔. นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระ กรรมการพ้นจากตำแหน่งเมื่อ
(๑) ตาย
(๒) ลาออก
(๓) พ้นจากการเป็นพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา
(๔) ที่ประชุมเครือข่ายมีมติให้ออก
ข้อ ๑๕. คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ ดังนี้
(๑) ดำเนินงานของเครือข่ายให้เป็นไปตามข้อตกลงและวัตถุประสงค์ของเครือข่าย
(๒) วางระเบียบ หรือออกประกาศต่างๆ เกี่ยวกับการดำเนินงานของเครือข่าย
(๓) แต่งตั้งบุคคล หรือคณะบุคคล เพื่อเป็นที่ปรึกษาหรือเป็นคณะทำงาน หรือคณะอนุกรรมการ อยู่ในตำแหน่งได้ไม่เกินวาระของคระกรรมการที่แต่งตั้ง
(๔) เรียกประชุมพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา
(๕) หน้าที่อื่นๆ ตามที่กำหนดไว้ในข้อตกลงนี้
ข้อ ๑๖. ให้คณะกรรมการจัดการประชุมเพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับการดำเนินงานของเครือข่ายและพบปะกันระหว่างพนักงาน อย่างน้อยปีละ ๑ ครั้ง
ในการประชุม ให้ประธานกรรมการเป็นประธานในการประชุม ถ้าประธานกรรมการไม่อยู่ในที่ประชุม หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้ที่ประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งทำหน้าที่ประธานกรรมการ
การลงมติของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมากในที่ประชุม โดยกรรมการ ๑ คน มี ๑ เสียงในการลงคะแนน
ถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีก ๑ เสียงเป็นเสียงชี้ขาด
ในการประชุมต้องมีรายงานการประชุมเป็นลายลักษณ์อักษร ถ้ามีความเห็นแย้งให้บันทึกความเห็นแย้งพร้อมทั้งเหตุผลไว้ในรายงานการประชุม และถ้ากรรมการฝ่ายข้างน้อยเสนอความเห็นแย้งเป็นหนังสือ ก็ให้บันทึกความเห็นแย้งนั้นไว้ด้วย

หมวด ๔
การเงินและบัญชี
ข้อ ๑๗. การเงิน บัญชี และทรัพย์สิน ให้อยู่ในความรับผิดชอบของคณะกรรมการ และให้นำฝากไว้ ในธนาคาร หรือสหกรณ์ออมทรัพย์ ในนาม “เครือข่ายพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา”
ข้อ ๑๘. การเบิกถอนเงินให้ประธานกรรมการหรือผู้ทำการแทน ลงลายมือชื่อร่วมกับเหรัญญิกหรือเลขานุการ แล้วแต่กรณี
ข้อ ๑๙. ให้ประธานกรรมการมีอำนาจเบิกถอนเงินของเครือข่ายได้ไม่เกินครั้งละ ๓๐,๐๐๐ บาท
(สามหมื่นบาทถ้วน) กรณีเกินกว่า ๓๐,๐๐๐ (สามหมื่นบาทถ้วน) ต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการก่อน
ข้อ ๒๐. เหรัญญิกมีอำนาจหน้าที่ ดังนี้
(๑) เบิกจ่ายเงินและดูแลรักษาเงินของเครือข่ายให้อยู่ในสภาพปลอดภัยและจัดการด้านการเงินของเครือข่าย ตามวิธีการที่กำหนดไว้ในข้อตกลงนี้และตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด
(๒) จัดทำบัญชีและรายงานฐานะทางการเงินของเครือข่าย เสนอต่อคณะกรรมการตามกำหนดเวลาที่คณะกรรมการกำหนด
(๓) จัดทำหลักฐานการรับ-จ่ายเงินเป็นลายลักษณ์อักษรโดยต้องมีลายมือชื่อผู้รับผิดชอบ ลงนามไว้ด้วย
(๔) หน้าที่อื่นๆ ตามที่คณะกรรมการมอบหมาย

หมวด ๕
การแก้ไขเพิ่มเติมข้อตกลง
ข้อ ๒๑. การแก้ไขเพิ่มเติมข้อตกลง จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมเครือข่าย และให้มีผลใช้บังคับทันที

หมวด ๖
การเลิกเครือข่าย
ข้อ ๒๒. การเลิกเครือข่าย ให้กระทำได้ต่อเมื่อได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมเครือข่าย
ข้อ ๒๓. เมื่อเครือข่ายต้องเลิกไม่ว่าด้วยเหตุใดๆ ก็ตาม ทรัพย์สินของเครือข่ายที่เหลืออยู่หลังหักค่าใช้จ่ายต่างๆ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ให้บริจาคให้องค์กรสาธารณะตามมติที่ประชุมเครือข่าย

หมวด ๗
บทเฉพาะกาล
ข้อ ๒๔. ให้ประธานเครือข่ายคนปัจจุบัน ทำหน้าที่ประธานกรรมการตามข้อตกลงนี้ และให้มีอำนาจแต่งตั้งคณะกรรมการตามข้อ ๑๑ โดยให้ดำเนินการแต่งตั้งให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
ข้อ ๒๕. ให้กิจกรรมหรือการดำเนินการที่ได้ดำเนินการไปแล้ว หรืออยู่ระหว่างดำเนินการ ก่อนข้อตกลงนี้ใช้บังคับ เป็นกิจกรรมหรือการดำเนินการตามข้อตกลงนี้


ประกาศ ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๕

(รองศาสตราจารย์ นาวาอากาศโท ดร.สุมิตร สุวรรณ)
ประธานเครือข่ายพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา



วันอังคารที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2555

ข้อเสนอสำหรับการบริหารงานบุคคล สำหรับพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา

1. เร่งรัดติดตามให้รัฐบาลจัดสรรงบประมาณ เพื่อเป็นค่าจ้าง “พนักงานในสถาบันอุดมศึกษา” ในอัตรา 1.5 - 1.7 เท่าของเงินเดือนข้าราชการแรกบรรจุ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2555
1) วุฒิปริญญาตรี 11,680x1.5/1.7 = 17,520/19,856 บาท
2) วุฒิปริญญาโท 15,300x1.5/1.7 = 22,950/26,010 บาท
3) วุฒิปริญญาเอก 19,000x1.5/1.7 = 28,500/32,300 บาท

2. เร่งรัดติดตามให้สถาบันต่างๆ ปรับค่าจ้าง ร้อยละ 5 ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายาน 2554

3. เสนอของบประมาณจากรัฐบาล เพื่อปรับค่าจ้าง “พนักงานในสถาบันอุดมศึกษา” ทั้งระบบให้สอดคล้องกับข้อ 1

4. กำหนดค่าจ้างขั้นต่ำ ติดตามและกำดูแลให้ทุกมหาวิทยาลัยจ้าง “พนักงานในสถาบันอุดมศึกษา” ตามงบประมาณที่ได้รับการจัดสรร หากจำเป็นต้องตัดไว้ส่วนหนึ่งสำหรับจัดสวัสดิการควรดำเนินเหมือนกันทุกมหาวิทยาลัย

5. กำหนดสวัสดิการและผลประโยชน์เกื้อกูลต่างๆ ของ “พนักงานในสถาบันอุดมศึกษา” โดยต้องไม่น้อยกว่าของระบบข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัยที่เคยได้รับ โดยอาจปรับเปลี่ยนรูปแบบ ได้แก่
1) การรักษาพยาบาลตนเอง บิดามารดา คู่สมรสและบุตร โดยการยกเลิก “ระบบประกันสังคม” และจัดการสวัสดิการเอง เช่น การประกันสุขภาพกลุ่ม การประกันชีวิต ตั้งกองทุน
2) การตรวจสุขภาพประจำปี
3) การลาศึกษา
4) เงินประจำตำแหน่งทางวิชาการ อีก 1 เท่า
5) เงินตอบแทนพิเศษประจำปี (โบนัส)
6) การจัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
7) เครื่องราชอิสริยาภรณ์

6. กำหนดสัญญาจ้างระหว่างทดลองงาน 1 ปี ส่วนสัญญาต่อไปตลอดชีพ แต่สามารถยกเลิกสัญญาจ้างได้หากไม่ผ่านการประเมิน โดยกำหนดให้มีระบบและกลไก “การประเมิน” ที่เป็นธรรม เพื่อสร้างความมั่นคงและประสิทธิภาพในการทำงาน

7. จัดให้มี “สภาพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา” ซึ่งเป็นตัวแทนของฝ่ายลูกจ้าง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการบริหารงานบุคคลของพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา โดยเฉพาะในการจ้างและการเลิกจ้าง

8. ปรับลูกจ้างชั่วคราวและอาจารย์อัตราจ้าง ให้เป็น “พนักงานมหาวิทยาลัยเงินรายได้”

9. จัดตั้งคณะทำงานโดยมีตัวแทนจากพนักงาน เพื่อแก้ พรบ.ระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2551 เป็น “พรบ.ระเบียบข้าราชการพลเรือนและพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา (ฉบับที่ 2) พ.ศ.......”

10. หากไม่สามารถดำเนินการได้ขอเปลี่ยนสถานภาพกลับเป็น “ข้าราชการ”

ที่มา http://www.facebook.com/groups/121922094502682/doc/410257572335798/

อัตราเงินเดือนตามวุฒิการศึกษาที่ ก.พ. กำหนด

เริ่มต้นจากการที่ มหาวิทยาลัย จ้างพนักงานด้วยอัตราเงินเดือนที่อิงจาก ก.พ. (ดังปรากฎในเอกสารคู่มือพนักงาน ข้อ ๑.๑
ผมขออนุญาตรีวิว ที่มาที่ไปดังนี้

๑. กำหนดอัตราเงินเดือนแบบช่วงตามคุณวุฒิ ที่ ก.พ. รับรอง เพื่อการบรรจุและแต่งตั้งผู้เข้ารับราชการตามประเภทและระดับตำแหน่ง และให้ได้รับเงินเดือนตามคุณวุฒิ ดังนี้
๑.๑ การบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการ ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๔ (ห้า-สี่) ให้ได้รับเงินเดือนในอัตรราใหม่
ก. คุณวุฒิ ปริญญาตรี ๔ ปี (ในประเทศ)
อัตราเงินเดือนเดิม (ก่อน ๑ ต.ค. ๒๕๕๓) ฐานเงินเดือน ๗,๙๔๐ บาท
อัตราเงินเดือนปรับ (๑) ตั้งแต่ ๑ ต.ค. ๒๕๕๓ เป็นต้นไป เริ่ม ๘,๗๐๐ บาท
อัตราเงินเดือนปรับ (๒) ใช้บังคับตั้งแต่ ๑ เม.ย. ๒๕๕๔ เริ่ม ๘,๗๐๐ - ๘,๙๗๐ บาท
อัตราเงินเดือนปรับ (๓) ใช้บังคับตั้งแต่ ๑ ต.ค. ๒๕๕๔ เริ่ม ๘,๗๐๐ - ๙,๒๓๐ บาท
อัตราเงินเดือนปรับ (๔) ใช้บังคับตั้งแต่ ๑ เม.ย. ๒๕๕๕ (ห้า-ห้า) เริ่ม ๘,๗๐๐ - ๙,๕๗๐ บาท

ข. คุณวุฒิ ปริญญาตรี ๕ ปี (ในประเทศ)
อัตราเงินเดือนเดิม (ก่อน ๑ ต.ค. ๒๕๕๓) ฐานเงินเดือน ๘,๗๐๐ บาท
อัตราเงินเดือนปรับ (๑) ตั้งแต่ ๑ ต.ค. ๒๕๕๓ เป็นต้นไป เริ่ม ๙,๔๖๐ บาท
อัตราเงินเดือนปรับ (๒) ใช้บังคับตั้งแต่ ๑ เม.ย. ๒๕๕๔ เริ่ม ๙,๔๖๐ - ๙,๗๕๐ บาท
อัตราเงินเดือนปรับ (๓) ใช้บังคับตั้งแต่ ๑ ต.ค. ๒๕๕๔ เริ่ม ๙,๔๖๐ - ๑๐,๐๓๐ บาท
อัตราเงินเดือนปรับ (๔) ใช้บังคับตั้งแต่ ๑ เม.ย. ๒๕๕๕ (ห้า-ห้า) เริ่ม ๙,๔๖๐ - ๑๐,๔๑๐ บาท

ค. คุณวุฒิ ปริญญาโท (ในประเทศ)
อัตราเงินเดือนเดิม (ก่อน ๑ ต.ค. ๒๕๕๓) ฐานเงินเดือน ๙,๗๐๐ บาท
อัตราเงินเดือนปรับ (๑) ตั้งแต่ ๑ ต.ค. ๒๕๕๓ เป็นต้นไป เริ่ม ๑๒,๐๐๐ บาท
อัตราเงินเดือนปรับ (๒) ใช้บังคับตั้งแต่ ๑ เม.ย. ๒๕๕๔ เริ่ม ๑๒,๐๐๐ - ๑๒,๓๖๐ บาท
อัตราเงินเดือนปรับ (๓) ใช้บังคับตั้งแต่ ๑ ต.ค. ๒๕๕๔ เริ่ม ๑๒,๐๐๐ - ๑๒,๗๒๐ บาท
อัตราเงินเดือนปรับ (๔) ใช้บังคับตั้งแต่ ๑ เม.ย. ๒๕๕๕ (ห้า-ห้า) เริ่ม ๑๒,๐๐๐ - ๑๓,๒๐๐ บาท

ง. คุณวุฒิ ปริญญาเอก (ในประเทศ)
อัตราเงินเดือนเดิม (ก่อน ๑ ต.ค. ๒๕๕๓) ฐานเงินเดือน ๑๓,๑๑๐ บาท
อัตราเงินเดือนปรับ (๑) ตั้งแต่ ๑ ต.ค. ๒๕๕๓ เป็นต้นไป เริ่ม ๑๖,๒๐๐ บาท
อัตราเงินเดือนปรับ (๒) ใช้บังคับตั้งแต่ ๑ เม.ย. ๒๕๕๔ เริ่ม ๑๖,๒๐๐ - ๑๖,๖๙๐ บาท
อัตราเงินเดือนปรับ (๓) ใช้บังคับตั้่งแต่ ๑ ต.ค. ๒๕๕๔ เริ่ม ๑๖,๒๐๐ - ๑๗,๑๘๐ บาท
อัตราเงินเดือนปรับ (๔) ใช้บังคับตั้งแต่ ๑ เม.ย. ๑๕๕๕ (ห้า-ห้า) เริ่ม ๑๖,๒๐๐ - ๑๗,๘๒๐ บาท

อ้างอิงจาก : http://www.ocsc.go.th/ocsccms/uploads/circular/ccl0000537.pdf

ต่อมา ก.พ. โดยมติคณะรัฐมตรีให้ปรับเงินเพิ่มจากฐานเงินเดือนข้างต้น อีก ร้อยละ ๕ (หนังสือที่ นร ๑๐๐๘.๑ / ว ๘ ด่วนทีสุด เรื่อง การปรับเงินเดือนเข้าสู่บัญชีเงินเดือนขั้นต่ำขั้นสูงของข้าราชการพลเรือนสามัญ ลงวันที่ ๒๘ เม.ย. ๒๕๕๔) ประกาศเป็นพระราชกฤษฎีกาการปรับเงินเดือนขั้นต่ำขั้นสูงของข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๔ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา วันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๔ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๔

ต่อมา ได้มีมติให้ปรับเงินเพิ่มขึ้นอีก ด้วยอัตราคูณ ๑.๓ (สายสนับสนุน) และ ๑.๕ (สายวิชาการ)
รวมแล้ว ได้มีการปรับเงินเดือนตามกฎหมายมาแล้ว ถึง ๓ ครั้ง โดยครั้งนี้อยู่ในระยะที่ ๓ (ตั้งแต่ ๑ ต.ค. ๒๕๕๔)
ถ้าเราลองคำนวณเงินที่ปรับดูแล้ว จะได้ดังนี้

ปริญญาโท (สายสนับสนุน)
อัตราเงินเดือนฐาน ๙,๗๐๐ บาท ปรับเป็น ๑๒,๐๐๐ ส่วนต่างเพิ่ม คือ ๒,๓๐๐ บาท (หายไปต่อเดือน)
๑๒,๐๐๐ ปรับเพิ่ม ๕% เท่ากับ ๖๐๐ บาท ต่อเดือน รวมรับ ๑๒,๖๐๐ บาท
๑๒,๖๐๐ บาท คูณ ๑.๓ เท่ากับ ๑๖,๓๘๐ ต่อเดือน (ซึ่งควรได้รับในปัจจุบัน)

ปริญญาโท (สายวิชาการ)
อัตราเงินเดือนฐาน ๙,๗๐๐ บาท ปรับเป็น ๑๒,๐๐๐ ส่วนต่างเพิ่ม คือ ๒,๓๐๐ บาท (หายไปต่อเดือน)
๑๒,๐๐๐ ปรับเพิ่ม ๕% เท่ากับ ๖๐๐ บาท ต่อเดือน รวมรับ ๑๒,๖๐๐ บาท
๑๒,๖๐๐ บาท คูณ ๑.๕ เท่ากับ ๑๘,๙๐๐ ต่อเดือน (ซึ่งควรได้รับในปัจจุบัน)

ปริญญาตรี ๔ ปี
อัตราเงินเดือนฐาน ๗,๙๔๐ บาท ปรับเป็น ๘,๗๐๐ ส่วนต่างเพิ่ม คือ ๗๖๐ บาท (หายไปต่อเดือน)
๘,๗๐๐ ปรับเพิ่ม ๕% เท่ากับ ๔๓๕ บาท ต่อเดือน รวมรับ ๙,๑๓๕ บาท
๙,๑๓๕ บาท คูณ ๑.๓ เท่ากับ ๑๑,๘๗๕.๕๐ ต่อเดือน (ซึ่งควรได้รับในปัจจุบัน)

หมายเหตุ - กรณีปรับเงินขึ้นแล้ว เศษไม่ถึง ๑๐ บาท ให้ปรับเป็น ๑๐ บาท เช่น ป.ตรี ๙,๑๓๕ ก็ปรับเป็น ๙,๑๔๐ บาท)

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

ส่วนอ้างอิง

๑. หนังสือ ก.พ. ที่ นร ๑๐๐๘.๓/ว ๑๔ เรื่อง การรับรองคุณวุฒิพร้อมด้วยอัตราเงินเดือน ลงวันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๑ มีผลให้ได้รับเงินเดือนในอัตรา
คุณวุฒิ ปริญญาตรี ๗,๙๔๐ บาท
คุณวุฒิ ปริญญาโท ๙,๗๐๐ บาท
คุณวุฒิ ปริญญาเอก ๑๓,๑๑๐ บาท
(http://www.ocsc.go.th/ocsccms/uploads/circular/ccl0000374.pdf)

๒. การกำหนดอัตราเงินเดือนสำหรับคุณวุฒิที่ ก.พ. รับรอง ลงวันที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๕๓ อัตราเงินเดือนใหม่ มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๓ (ระยะที่ ๑) และมีผลต่อการปรับอัตราเงินเดือนไปอีก ๓ ระยะ คือ
ระยะที่ ๒ ตั้งแต่วันที่ ๔ เมษายน ๒๕๕๔
ระยะที่ ๓ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๔
ระยะที่ ๔ ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๕ เป็นต้นไป
** โดยเป็นอัตราฐานเงินเดือนที่ จะถูกนำไปปรับเพิ่มตามมติคณะรัฐมนตรีในครั้งต่อ ๆ ไป

เอกสารบังคับแนบ
ก. หนังสือ ก.พ. ที่ นร ๑๐๐๘.๓/ว ๑๔ เรื่อง การรับรองคุณวุฒิพร้อมด้วยอัตราเงินเดือน ลงวันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๑
ข. หนังสือสำนักงาน ก.พ. ที่ นร ๑๐๐๔.๓/๑๗๙ ลงวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๕๓
ค. หนังสือสำนักงาน ก.พ. ที่ นร ๑๐๐๔.๓/๑๙๙-๒๐๐ ลงวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๓
(http://www.ocsc.go.th/ocsccms/uploads/circular/ccl0000537.pdf)

๓. หนังสือ ก.พ. ที่ นร ๑๐๐๘.๑/ว ๘ เรื่อง การปรับเงินเดือนเข้าสู่บัญชีเงินเดือนขั้นต่ำขั้นสูงของข้าราชการพลเรือน ลงวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๕๔ ให้ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ ๕ ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๔
เอกสารบังคับแนบ
ก. พระราชกฤษฎีกาการปรับเงินเดือนขั้นต่ำขั้นสูงของข้าราชการพลเรือนสามัญ พ.ศ. ๒๕๕๔
ข. กฎ ก.พ. ว่าด้วยการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญได้รับเงินเดือน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔
(http://www.ocsc.go.th/ocsccms/uploads/circular/ccl0000600.pdf)

ที่มา http://www.facebook.com/groups/121922094502682/doc/285842758110614/